วันพุธที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2553

ภัยโทรศัพท์มือถือ


โทรศัพท์มือถืออันตราย

ผู้ที่ใช้โทรศัพท์มือถือ บ่อยๆ และเป็นประจำ หากคุณสังเกตพบว่าตัวเองมักจะรู้สึกปวดศีรษะโดยไม่ทราบสาเหตุ กินยาแก้ปวดแล้วอาการก็ไม่ทุเลา ให้หมอตรวจร่างกายก็พบว่าปกติดีคุณทดลองหยุดใช้โทรศัพท์ดูสักพักสิครับ แล้วสังเกตตัวเองดูใหม่ว่ายังมีอาการปวดศีรษะอีกหรือเปล่า

ทำไมการใช้โทรศัพท์มือถือจึงทำให้มีอาการปวดศีรษะได้?

หลัก การรับ-ส่งสัญญาณของโทรศัพท์มือถือ คือ การแปลงเสียงพูดให้เป็นกระแสไฟฟ้าก่อนส่งออกไปในอากาศโดยอาศัยคลื่นพา เช่น คลื่นไมโครเวฟ แล้วไปตามสถานีเครือข่ายที่มีทั่วประเทศไทยโดยผ่านทางเสาอากาศ

ปกติ เรานำคลื่นไมโครเวฟมาใช้ในการอุ่นอาหาร เนื่องจากคลื่นถูกดูดซึมจากส่วนประกอบที่มีน้ำได้ดี และถ้ามีความเข้มสูงพอจะเกิดเป็นความร้อนทำให้อาหารนั้นร้อนขึ้นหรือสุกได้ ถึงแม้คลื่นไมโครเวฟที่กระจายอยู่ในอากาศยังไม่มีความเข้มถึงขีดอันตรายที่ จะเกิดความร้อนได้ แต่เสาอากาศของโทรศัพท์มือถือได้ดึงดูดคลื่นไมโครเวฟเข้าสู่เครื่องโทรศัพท์ ทำให้บริเวณที่อยู่ใกล้เสาอากาศ คือ ศีรษะจะได้รับคลื่นไมโครเวฟในปริมาณมากจนอาจเป็นสาเหตุให้เกิดอาการปวดศีรษะ ได้

ดังนั้นผู้ที่ใช้โทรศัพท์มือถือจำเป็นต้องหยุดใช้เครื่องชั่วคราว เมื่อมีอาการปวดศีรษะ และเปลี่ยนมาใช้โทรศัพท์ที่บ้านหรือสำนักงานแทน มิฉะนั้นสมองอาจค่อยๆกระทบกระเทือนจนไม่ปลอดภัย ในรายที่ยังไม่ปวดศีรษะควรติดตั้งเสาอากาศโทรศัพท์ให้สูงเลยศีรษะไป อาจช่วยลดอันตรายของคลื่นไมโครเวฟได้บ้าง

นอกจากอาการปวดศีรษะ มีผลเสียอื่นๆอีกหรือไม่ ? ?

ข้อเสียอื่นๆสำหรับผู้ที่ใช้โทรศัพท์เป็นประจำ คือ อาจมีอาการหูตึง เนื่องจากเสียงโทรศัพท์ไม่ชัดเจน มีเสียงรบกวนอยู่ตลอดเวลา ถ้าไม่ได้ใช้โทรศัพท์ในตำแหน่งที่รับส่งคลื่นได้สะดวก บุคลิกภาพของผู้ใช้โทรศัพท์ต้องเสียไป เนื่องจากต้องพะวักพะวงกับการหาตำแหน่งที่รับฟังได้ชัดเจนและยังต้องตะโกน พูดอยู่คนเดียว

การโทร.ไม่ติดหรือหลุดบ่อยทำให้อารมณ์เสีย หงุดหงิด สุขภาพจิตเสื่อมลง กล้ามเนื้อคอ หัวไหล่มักจะเกร็งเนื่องจากต้องถือโทรศัพท์อยู่ตลอดเวลา และบางครั้งยังต้องพยายามเอียงคอ และใช้มือดันโทรศัพท์ให้แนบติดกับใบหูอยู่ตลอดเวลา

การเกร็งตัว ของกล้ามเนื้อคอเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ปวดศีรษะเพราะเมื่อกล้ามเนื้อหด ตัวตลอดเวลา หลอดเลือดจะส่งเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ การแก้ไขอาจต้องใช้โทรศัพท์ที่มีขนาดเบา อย่าคุยโทรศัพท์นานเกินควร และถ้าอยู่ในรถอาจผ่านเครื่องขยายเสียง และใช้ไมโครโฟนในการสนทนา ซึ่งในกรณีนี้นอกจากจะไม่เป็นผลเสียต่อสุขภาพแล้ว ยังลดอุบัติเหตุบนท้องถนนลงได้ หรือลดคำแช่งด่าจากผู้ที่ขับรถตามมาด้วย เพราะมัวแต่คุยโทรศัพท์จนทำให้รถติดขัด

ข้อเสียของโทรศัพท์มือถือที่ ทุกคนมักไม่ได้ตระหนักอีกประการหนึ่งคือ ถ่านไฟที่ใช้กับโทรศัพท์มือถือ ประกอบด้วยสารอันตรายหลายชนิด เมื่อนำไปทิ้งโดยไม่มีการจัดการที่ถูกต้อง ทำให้เกิดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม และเกิดสภาวะเป็นพิษต่อผู้ที่อาศัยอยู่รอบๆ อันตรายจากพิษตะกั่ว หรือสารอันตรายที่มีกัมมันตภาพรังสี เช่น แคดเมี่ยม ทำให้เส้นประสาทถูกทำลาย เกิดอาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อ เป็นอัมพาต และเป็นโรคอื่นๆอีกหลายชนิด

การใช้โทรศัพท์มือถือ
การใช้โทรศัพท์มือถือนานปีเสี่ยงเกิดเนื้องอกที่ประสาทการฟัง สถาบันศึกษา วิจัยคาโรลินสกา อันมีชื่อเสียงของสวีเดน กล่าวแจ้งว่า ได้ศึกษาพบว่าผู้ที่ใช้โทรศัพท์มือถือเป็นเวลานานหลายๆปี เกิน 10 ปีขึ้นไป มีความเสี่ยงที่จะเกิดเนื้องอกแบบธรรมดาขึ้นที่ประสาทการได้ยินสูงขึ้น สถาบันซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยแพทย์ และศูนย์วิจัยทางชีวเคมีใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรปกล่าวว่า เนื้องอกที่จะเกิดกับประสาทการได้ยิน มักจะเกิดทางศีรษะข้างที่ถือโทรศัพท์แนบอยู่ และอธิบายว่า ช่วงที่การศึกษาวิจัยได้มีโอกาส ศึกษาเฉพาะกับผู้ใช้โทรศัพท์มือถือระบบอนาล็อกมาเป็นเวลานานเกิน 10 ปีเท่านั้น ดังนั้น จึงไม่อาจบอกได้ว่าผลการศึกษาจะเป็นแต่เฉพาะผู้ที่ใช้โทรศัพท์แบบอนาล็อก หรืออาจจะเป็นแบบเดียวกันกับผู้ใช้โทรศัพท์ระบบดิจิตอลด้วย" โทรศัพท์มือถือทุกวันนี้ ส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นระบบจีเอสเอ็ม ซึ่งเข้ามาแทนโทรศัพท์ระบบอนาล็อกที่มักมีขนาดเทอะทะกว่า มาตั้งแต่ตอนกลางและท้ายทศวรรษคริสต์ศักราช 1990 โฆษกของสถาบันกล่าวว่า การศึกษาได้ทำกับผู้ที่เกิดเป็นเนื้องอกจำนวน 150 คน เปรียบเทียบผู้ที่ปกติแข็งแรง 600 คน ได้พบว่า "ผู้ที่ใช้โทรศัพท์มือถือมานานไม่ต่ำกว่า 10 ปี เสี่ยงที่จะเป็นเนื้องอกสูงเกือบ 2 เท่า และมักจะเป็นทางศีรษะข้าง ที่ถือโทรศัพท์พูดมากกว่าข้างตรงกันข้ามมากกว่ากันเกือบ 4 เท่า".


** การซื้อความสะดวกชั่วระยะเวลาอันสั้นอาจมีผลต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม **

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น