วันศุกร์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2553

10 อันดับโรงแรมที่หรูที่สุดในโลกกกกกก..ไม่น่าเชื่อ


อันดับ 10 The Apeiron โรงแรมเกาะกลางทะเล



โรงแรม Apeiron island จัดเป็นโรงแรมระดับ 7 ดาว
มีพื้นที่ประมาณ 2 แสนตารางเมตร ตั้งอยู่บนความสูง 185 เมตร
มีห้องพักระดับหรูหรา มากกว่า 350 ห้อง

ทุกอย่างที่อยู่ในโรงแรมนี้คือคำนิยามของความไฮเทคที ่มีระดับ
มีความเป็นส่วนตัวสูงมาก เพราะตัวโรงแรมสร้างลากูน
ขึ้น
กลางน้ำเป็นของตัวเอง รวมถึงหาดทรายกลางทะเล ภัตตาคา
สุดหรู
โรงหนัง แหล่งชอปปิ้ง แกลลอรี่ศิลปะ สปาและ
อุปกรณ์ต่างๆ
ที่ทำให้การ
ประชุมทางไกลกับโลกพื้นดินทำได้โดยสะดวก แ
ม้ถูกจัดอั
นดับให้เป็นอันดับ 10 แต่ก็ยังไม่ถูกสร้างเสียที


อันดับ 9 Foldable hotel pods โรงแรมลอยน้ำ



เมื่อต้นปีที่ผ่านมาบริษัทยักษ์ใหญ่ทางด้านการออกแบบข องอังกฤษรายนี้ได้เผยโฉมต้นแบบโรงแรมยักษ์ใหญ่กลางทะ เลแห่งนี้ขึ้นมาในงาน ?
Future Holiday Forum โดยชี้ให้เห็นว่าด้วยเทคโนโลยีการเดินทางสมัยใหม่บวก กับการออกแบบชั้นยอด ทำให้โรงแรมชั้นเยี่ยมสมัยใหม่

สามารถไปตั้งอยู่กลางทะเลที่ไหนก็ได้ที่บรรดาแขกอยาก ไป แล
ะอยู่ได้เป็นเวลานานๆ


อันดับ 8 โรงแรม Burj al-Arab เมื่อตะวันออกพบตะวันตก
ประเทศสหรัฐอาหรับ เอมิเรตส์




โรงแรม นี้จัดว่าขึ้นชื่อระดับโลก เพราะก่อสร้างและเปิดดำเนินการเรียบร้อยแล้ว ถือเป็นโรงแรมระดับ 7 ดาวแห่งแรกของโลก ความสูงของโรงแ
รม
อยู่ที่ 321 เมตร ตัวโรงแรมนั้นถูกออกแบบมาให้เป็นเห
มือ
นใบพัดเรือ บนพื้นที่ที่เป็นเหมือนเกาะอยู่ห่างจากหาด Jumeirah ประมาณ 280 เมตร
ความ สุดยอดของโรงแรมนี้อีกอย่างหนึ่งคือการเป็นเอเทร ียมที่สูงที่สุดในโลก คือสูงถึง 180 เมตร มีห้องพักกว่า 200 ห้องที่ไม่ซ้ำกันเลย ด้วย
ราคาระหว่าง 1,000 ไปจนถึงมากกว่า 28,000 เ
หรียญสหรัฐต่อคืน ในตัวโรงแรมมีภัตตาคาร 8 แห่ง แต่ละแห่งมีทั้งบาร์และเลาจ์ ฟิตเนส แล

สิ่งอำนวยความสะดวก



อันดับ 7 Waterworld โรงแรมกลางน้ำตกยักษ์ ประเทศจีน



แค่เห็นดีไซน์ก็รู้แล้วว่านี่มันเป็นโรงแรมแห่งความฝันชัดๆ เพราะตัวโรงแรมเหมือนฝังไปกับน้ำตกแห่งหนึ่งในเมืองจีน ตัวโรงแรมนี้ออกแบบ
ให้ มีห้องพัก 400 ห้อง ที่สำคัญห้องอยู่ใต้น้ำตก ลูกเล่นที่เป็นทีเด็ดก็คือ สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการเล่นกีฬาเอ็กซ์ตรีมบริเว ณอ่าวขอ

โรงแรม ไม่ว่าจะเป็นสระว่ายน้ำที่หรูสุดๆ หน้าผาระดับพระเจ้าให้ปีนไต่ และบันจี้จั๊มพ์ รวมถึงลูกเล่นอื่นๆ และโรงแรมนี้จะมีโอกาสสร้างก็ต่อ

เมื่อผ่านเรื่องสิ่งแวดล้อมแล้วเท่านั้น


อันดับ 6 The Poseidon รีสอร์ทใต้ทะเล




ด้วยพื้นที่ใต้น้ำลึกกว่า 1,200 ตารางฟุตแห่งนี้เป็นรีสอร์ทที่ถูกจับตามากที่สุดแห่ง หนึ่งในโลก เพราะเป็นรีสอร์ทใต้น้ำแห่งแรกของโลกที่จะสร้าง
เสร็จ ภายในปี2009 มีห้องพักสุดหรูขนาด ใหญ่ึถึง 550 ตารางฟุต และนักท่องเที่ยวที่ไปเยี่ยมเยียนรีสอร์ทแห่งนี้ สามารถใช้บริการขับเรือดำน้ำ

สามารถดำดิ่งไปดูปะการังน้ำลึก ดำน้ำแบบสกูบ้า กีฬาทางน้ำทุกชนิดเท่าที่นึกได้ แล่นเรือใบพารา สำรวจถ้ำ และอื่นๆ อีกมากมาย


อันดับ 5 The Hydropolis : โรงแรมใต้น้ำระดับ 10 ดาว



เป็นอีกโรงแรมหนึ่งที่อาศัยทะเลเป็นฉากหลังอันตระการ ตาให้กับผู้มาพัก ตัวโรงแรมคาดหมายว่าจะสร้างกันที่ดูไบ โดยเฉพาะตัวโรงแรมนั้น
ได้ ใส่ศูนย์การค้าขนาดยักษ์ที่มีพื้นที่กว่า 1.1 ล้านตารางฟุตเข้าไปด้วย ในตัวโรงแรมยังมีห้องบอลรูมขนาดยักษ์ มีโรงภาพยนต์ดิจิตอลไฮ
เทค
สุด อลังการ และที่เจ๋งสุดๆ ก็คือมีระบบป้องกันตัวเองด้วยจรวดมิสไซล์ที่อยู่ต่ำก ว่าน้ำทะเลลงไป 60 ฟิต ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถสนุกกับเครื่อ

เล่นมากมายในสถานที่ที่ เป็น ธีมต่างๆ กว่า 220 แห่ง ความคืบหน้าล่าสุดของโครงการนี้มี 150 บริษัทที่กระโดดเข้ามาร่วมแย่งชิงกันอยู่ และกว่า
จะรู้ว่าใครจะเป็นผู้ได้ดำเนินโครงการก็ประมาณปลายปี นี้


อันดับ 4 The Lunatic Hotel : โรงแรมบนดวงจันทร์



เปลี่ยนบรรยากาศไปที่โรงแรมบนดวงจันทร์กันบ้างดีกว่า และโครงการนี้ไม่ถือว่าโคมลอยแต่อย่างใด โอกาสที่จะเป็นจริงมีมากเหลือเกินซึ่ง
ถ้า เปิดให้บริการเมื่อไหร่คงต้องเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลกแน่นอน ถือว่านี่เป็นอีกความฝันของปี 2050 ที่ต้องไปให้ถึงเลยทีเดียว(อีกไม่กี่ปีเอง
)


อันดับ 3 Aeroscraft : โรงแรมบินสุดห
รูสำหรับวันพรุ่งนี้



สำหรับโครงการ Aeroscraft บอลลูนยักษ์ลอยฟ้าที่อัดแน่นด้วยพลังงานกว่า 400 ตัน ทำให้สามารถนำพาผู้โดยสารเหินไปกลางอากาศด้วย
ความเป็นอยู่ที่หรูหราสุดยอด ที่มีพื้นที่เท่ากับส
นามฟุตบอลสองสนามลอยอยู่บนอากาศ ด้วยก๊าซฮีเลียมจำนวน 14ล้านลูกบาศก์ฟุต ตามติด
ด้วยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดยักษ์และเชื้อเพลิงไฮโ ดรเจน มีพัดลมขนาดยักษ์ 6 ตัว สามารถนำผู้โดยสารไปได้ประมาณ 250 คน ด้วย

ความเร็ว 174 ไมล์ต่อชั่วโมง ที่ความสูง 6,00
0 ไมล์ ในตัวโรงแรมจะมีคาสิโน ภัตตาคาร ฯลฯ


อันดับ 2 Galactic Suite โรงแรมอวกาศ



จากความพยายามของ Xavier Claramunt ที่ต้องการผจญภัยในอวกาศด้วยยานขนส่ง ซึ่งตัวยานนั้นออกแบบมาให้มีห้องพัก 22ห้อง ขนาด
7x4 เมตร พร้อมหน้าต่างที่เปิดให้เห็นวิวอวกาศ และสิ่งอำนวยความสะดวก คราวนี้ก็ไม่จำเป็นต้องไปพึ่งนาซา หรือรัสเซียในการจ่ายเงิ
นที่แพง
มากในการขึ้นไปเที่ยวรอบโลกด้วยยานอวกาศเหมือนที่ผ่า นมา ตอนนี้เครื่องต้นแบบสร้างเสร็จแล้ว และอยู่ในระหว่างรอนักลงทุนกระเป๋าหนัก
ที่มองเห็นอนาคตกระโดดเข้ามาลงทุนเท่านั้นเอง



และ !!!!! อันดับที่หนึ่งงงงงงงงง ง ง ง ก็คือ~~~

อันดับ 1 Bigelow Aerospace, Las Vegas



เครื่องเดินอากาศ หรือ CSS Skywalker โรงแรมท่องบรรยากาศนอกโลก แต่ยังอยู่ในวงโคจรโลก เหมือนกับเป็นดาวเทียมขนาดใหญ่ดวงหนึ่ง
นั่น เอง ด้วยพื้นที่ 1,500 ตารางเมตร และขนาดที่ใหญ่ถึง 1 แสนกิโลกรัม มีโครงสร้างของยานที่หนากว่า 18 นิ้ว ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ $1 ล้านต่อคืน





วันพุธที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2553

ภัยโทรศัพท์มือถือ


โทรศัพท์มือถืออันตราย

ผู้ที่ใช้โทรศัพท์มือถือ บ่อยๆ และเป็นประจำ หากคุณสังเกตพบว่าตัวเองมักจะรู้สึกปวดศีรษะโดยไม่ทราบสาเหตุ กินยาแก้ปวดแล้วอาการก็ไม่ทุเลา ให้หมอตรวจร่างกายก็พบว่าปกติดีคุณทดลองหยุดใช้โทรศัพท์ดูสักพักสิครับ แล้วสังเกตตัวเองดูใหม่ว่ายังมีอาการปวดศีรษะอีกหรือเปล่า

ทำไมการใช้โทรศัพท์มือถือจึงทำให้มีอาการปวดศีรษะได้?

หลัก การรับ-ส่งสัญญาณของโทรศัพท์มือถือ คือ การแปลงเสียงพูดให้เป็นกระแสไฟฟ้าก่อนส่งออกไปในอากาศโดยอาศัยคลื่นพา เช่น คลื่นไมโครเวฟ แล้วไปตามสถานีเครือข่ายที่มีทั่วประเทศไทยโดยผ่านทางเสาอากาศ

ปกติ เรานำคลื่นไมโครเวฟมาใช้ในการอุ่นอาหาร เนื่องจากคลื่นถูกดูดซึมจากส่วนประกอบที่มีน้ำได้ดี และถ้ามีความเข้มสูงพอจะเกิดเป็นความร้อนทำให้อาหารนั้นร้อนขึ้นหรือสุกได้ ถึงแม้คลื่นไมโครเวฟที่กระจายอยู่ในอากาศยังไม่มีความเข้มถึงขีดอันตรายที่ จะเกิดความร้อนได้ แต่เสาอากาศของโทรศัพท์มือถือได้ดึงดูดคลื่นไมโครเวฟเข้าสู่เครื่องโทรศัพท์ ทำให้บริเวณที่อยู่ใกล้เสาอากาศ คือ ศีรษะจะได้รับคลื่นไมโครเวฟในปริมาณมากจนอาจเป็นสาเหตุให้เกิดอาการปวดศีรษะ ได้

ดังนั้นผู้ที่ใช้โทรศัพท์มือถือจำเป็นต้องหยุดใช้เครื่องชั่วคราว เมื่อมีอาการปวดศีรษะ และเปลี่ยนมาใช้โทรศัพท์ที่บ้านหรือสำนักงานแทน มิฉะนั้นสมองอาจค่อยๆกระทบกระเทือนจนไม่ปลอดภัย ในรายที่ยังไม่ปวดศีรษะควรติดตั้งเสาอากาศโทรศัพท์ให้สูงเลยศีรษะไป อาจช่วยลดอันตรายของคลื่นไมโครเวฟได้บ้าง

นอกจากอาการปวดศีรษะ มีผลเสียอื่นๆอีกหรือไม่ ? ?

ข้อเสียอื่นๆสำหรับผู้ที่ใช้โทรศัพท์เป็นประจำ คือ อาจมีอาการหูตึง เนื่องจากเสียงโทรศัพท์ไม่ชัดเจน มีเสียงรบกวนอยู่ตลอดเวลา ถ้าไม่ได้ใช้โทรศัพท์ในตำแหน่งที่รับส่งคลื่นได้สะดวก บุคลิกภาพของผู้ใช้โทรศัพท์ต้องเสียไป เนื่องจากต้องพะวักพะวงกับการหาตำแหน่งที่รับฟังได้ชัดเจนและยังต้องตะโกน พูดอยู่คนเดียว

การโทร.ไม่ติดหรือหลุดบ่อยทำให้อารมณ์เสีย หงุดหงิด สุขภาพจิตเสื่อมลง กล้ามเนื้อคอ หัวไหล่มักจะเกร็งเนื่องจากต้องถือโทรศัพท์อยู่ตลอดเวลา และบางครั้งยังต้องพยายามเอียงคอ และใช้มือดันโทรศัพท์ให้แนบติดกับใบหูอยู่ตลอดเวลา

การเกร็งตัว ของกล้ามเนื้อคอเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ปวดศีรษะเพราะเมื่อกล้ามเนื้อหด ตัวตลอดเวลา หลอดเลือดจะส่งเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ การแก้ไขอาจต้องใช้โทรศัพท์ที่มีขนาดเบา อย่าคุยโทรศัพท์นานเกินควร และถ้าอยู่ในรถอาจผ่านเครื่องขยายเสียง และใช้ไมโครโฟนในการสนทนา ซึ่งในกรณีนี้นอกจากจะไม่เป็นผลเสียต่อสุขภาพแล้ว ยังลดอุบัติเหตุบนท้องถนนลงได้ หรือลดคำแช่งด่าจากผู้ที่ขับรถตามมาด้วย เพราะมัวแต่คุยโทรศัพท์จนทำให้รถติดขัด

ข้อเสียของโทรศัพท์มือถือที่ ทุกคนมักไม่ได้ตระหนักอีกประการหนึ่งคือ ถ่านไฟที่ใช้กับโทรศัพท์มือถือ ประกอบด้วยสารอันตรายหลายชนิด เมื่อนำไปทิ้งโดยไม่มีการจัดการที่ถูกต้อง ทำให้เกิดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม และเกิดสภาวะเป็นพิษต่อผู้ที่อาศัยอยู่รอบๆ อันตรายจากพิษตะกั่ว หรือสารอันตรายที่มีกัมมันตภาพรังสี เช่น แคดเมี่ยม ทำให้เส้นประสาทถูกทำลาย เกิดอาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อ เป็นอัมพาต และเป็นโรคอื่นๆอีกหลายชนิด

การใช้โทรศัพท์มือถือ
การใช้โทรศัพท์มือถือนานปีเสี่ยงเกิดเนื้องอกที่ประสาทการฟัง สถาบันศึกษา วิจัยคาโรลินสกา อันมีชื่อเสียงของสวีเดน กล่าวแจ้งว่า ได้ศึกษาพบว่าผู้ที่ใช้โทรศัพท์มือถือเป็นเวลานานหลายๆปี เกิน 10 ปีขึ้นไป มีความเสี่ยงที่จะเกิดเนื้องอกแบบธรรมดาขึ้นที่ประสาทการได้ยินสูงขึ้น สถาบันซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยแพทย์ และศูนย์วิจัยทางชีวเคมีใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรปกล่าวว่า เนื้องอกที่จะเกิดกับประสาทการได้ยิน มักจะเกิดทางศีรษะข้างที่ถือโทรศัพท์แนบอยู่ และอธิบายว่า ช่วงที่การศึกษาวิจัยได้มีโอกาส ศึกษาเฉพาะกับผู้ใช้โทรศัพท์มือถือระบบอนาล็อกมาเป็นเวลานานเกิน 10 ปีเท่านั้น ดังนั้น จึงไม่อาจบอกได้ว่าผลการศึกษาจะเป็นแต่เฉพาะผู้ที่ใช้โทรศัพท์แบบอนาล็อก หรืออาจจะเป็นแบบเดียวกันกับผู้ใช้โทรศัพท์ระบบดิจิตอลด้วย" โทรศัพท์มือถือทุกวันนี้ ส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นระบบจีเอสเอ็ม ซึ่งเข้ามาแทนโทรศัพท์ระบบอนาล็อกที่มักมีขนาดเทอะทะกว่า มาตั้งแต่ตอนกลางและท้ายทศวรรษคริสต์ศักราช 1990 โฆษกของสถาบันกล่าวว่า การศึกษาได้ทำกับผู้ที่เกิดเป็นเนื้องอกจำนวน 150 คน เปรียบเทียบผู้ที่ปกติแข็งแรง 600 คน ได้พบว่า "ผู้ที่ใช้โทรศัพท์มือถือมานานไม่ต่ำกว่า 10 ปี เสี่ยงที่จะเป็นเนื้องอกสูงเกือบ 2 เท่า และมักจะเป็นทางศีรษะข้าง ที่ถือโทรศัพท์พูดมากกว่าข้างตรงกันข้ามมากกว่ากันเกือบ 4 เท่า".


** การซื้อความสะดวกชั่วระยะเวลาอันสั้นอาจมีผลต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม **

วันพฤหัสบดีที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2553

สารเสพติด

สารเสพติด หมายถึงยาเสพติดฯ วัตถุออกฤทธิ์ฯ และสารระเหย

ยาเสพติด ที่จะกล่าวในที่นี้คือ ยาเสพติดให้โทษ ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 (ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2528 และฉบับที่ 3 พ.ศ. 2530) ซึ่งหมายถึงสารเคมีหรือวัตถุชนิดใดๆ ซึ่งเมื่อเสพเข้าสู่ร่างกายไม่ว่าจะรับประทาน ดม สูบ ฉีดหรือด้วยประการใดๆ แล้วทำให้เกิดผลต่อร่างกายและจิตใจ ในลักษณะสำคัญ เช่น ต้องเพิ่มขนาดการเสพขึ้นเป็นลำดับ มีการถอนยาเมื่อขาดยา มีความต้องการเสพทั้งทางร่างกายและจิตใจอย่างรุนแรงตลอดเวลา และสุขภาพโดยทั่วไปจะทรุดโทรมลง กับให้รวมตลอดถึงพืช หรือส่วนของพืชที่เป็นหรือให้ผลผลิตเป็นยาเสพติดให้โทษ หรืออาจใช้ผลิตเป็นยาเสพติดให้โทษ และสารเคมีที่ใช้ในการผลิยาเสพติดให้โทษด้วย ทั้งนี้ตามที่รัฐมนตรีประกาศในราชกิจจานุเบกษา แต่ไม่หมายความถึงยาสามัญประจำบ้านบางตำราตามกฏหมายว่าด้วยยาที่มียาเสพติด ให้โทษผสมอยู่ ยาเสพติดให้โทษแบ่งได้ 5 ประเภท [ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 135 (พ.ศ. 2539) เรื่องระบุชื่อและประเภทยาเสพติดให้โทษ ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 ] ดังนี้
  1. ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เช่นเฮโรอีน เมทแอมเฟตามีน เอ็มดีเอ็มเอ (ยาอี) ยาเสพติดให้โทษ ประเภทนี้ไม่ใช่ประโยชน์ทางการแพทย์
  2. ยาเสพติดให้โทษประเภท 2 เช่น มอร์ฟีน โคเดอีน เพทิดีน เมทาโดน และฝิ่น ยาเสพติดให้โทษประเภทนี้มีประโยชน์ทางการแพทย์ แต่ก็มีโทษมาก ดังนั้นจึงต้องใช้ภายใต้ความควบคุมของแพทย์ และใช้เฉพาะในกรณีที่จำเป็นเท่านั้น
  3. ยาเสพติดให้โทษประเภท 3 เป็นยาสำเร็จรูปที่ผลิตขึ้นตามทะเบียนตำรับ ที่ได้รับอนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุขแล้ว มีจำหน่ายตามร้านขายยา ได้แก่ ยาแก้ไอ ที่มีตัวยาโคเคอีน หรือยาแก้ท้องเสียที่มีตัวยา ไดเฟนอกซิน เป็นต้น ยาเสพติดให้โทษประเภท 3 มีประโยชน์ทางการแพทย์ และมีโทษน้อยกว่ายาเสพติดให้โทษอื่นๆ
  4. ยาเสพติดให้โทษประเภท 4 เป็นน้ำยาเคมีที่นำมาใช้ในการผลิต ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ได้แก่ น้ำยาเคมี อาซิติกแอนไฮไดรด์ อาซิติลคลอไรด์ เอทิลิดีน ไดอาเซเตท สารเออร์โกเมทรีน และคลอซูโดอีเฟดรีน ยาเสพติดให้โทษประเภทนี้ ส่วนใหญ่ไม่มีการนำมาใช้ประโยชน์ในการบำบัดรักษาอาการของโรคแต่อย่างใด
  5. ยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ได้แก่ พืชกัญชา พืชกระท่อม พืชฝิ่น และพืชเห็ดขี้ควาย ยาเสพติดให้โทษประเภทนี้ ไม่มีประโยชน์ทางการแพทย์
พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ กำหนดบทลงโทษสำหรับผู้ทำการผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย มีไว้ในครอบครอง และการเสพยาเสพติดให้โทษ ประเภท 1, 2, 3 และ5 นอกจากนี้ยังมีบทลงโทษสำหรับผู้ยุยง หรือส่งเสริม หรือกระทำการใดๆ อันเป็นการช่วยเหลือ หรือให้ความสะดวกในการที่ผู้อื่นเสพยาเสพติดให้โทษ

การเสพ หมายถึง การรับยาเสพติดให้โทษเข้าสู่ร่างกายไม่ว่าด้วยวิธีการใดๆ เช่น รับประทาน สูดดม ฉีด

ผู้ติดยาเสพติดให้โทษ ถ้าสมัครเข้ารับการบำบัดรักษาในสถานพยาบาล ที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดเป็นสถานพยาบาลสำหรับบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด ก่อนที่ความผิดจะปรากฏและได้ปฏิบัติครบถ้วนตามระเบียบของสถานพยาบาลแล้ว กฏหมายจะเว้นโทษสำหรับการเสพยา

วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท หรือวัตถุออกฤทธิ์ ตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2528)
ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2535) หมายถึง “วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทที่เป็นสิ่งธรรมชาติหรือได้จากสิ่งธรรมชาติ หรือวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทที่เป็นวัตถุสงเคราะห์ ทั้งนี้ตามที่รัฐมนตรีประกาศในราชกิจจานเบกษา”

วัตถุออกฤทธิ์แบ่งได้ 4 ประเภท [ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 97 (พ.ศ. 2539) เรื่องระบุชื่อและจัดแบ่งประเภทวัตถุออกฤทธิ์ตามความในพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518] ดังนี้

  1. วัตถุออกฤทธิ์ประเภท 1 มีความรุนแรงในการออกฤทธิ์มาก ทำให้เกิดอาการประสาทหลอน ไม่มีประโยชน์ในการบำบัดรักษาอาการของโรค ได้แก่ ไซโลไซบัน และเมสคาลีน
  2. วัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 เช่น ยากระตุ้นระบบประสาท เช่น อีเฟดรีน เฟเนทิลลีน เพโมลีน และยาสงบประสาท เช่น ฟลูไนตราซีแพม มิดาโซแลม ไนตราซีแพม วัตถุประเภทนี้มีการนำไปใช้ในทางที่ผิด เช่น ใช้เป็นยาแก้ง่วง ยาขยัน หรือเพื่อใช้มอมเมาผู้อื่น
  3. วัตถุออกฤทธิ์ประเภท 3 ใช้ในรูปยารักษาอาการของโรค ส่วนใหญ่เป็นยากดระบบประสาทส่วนกลาง เช่น เมโพรบาเมต อะโมบาร์บิตาล และยาแก้ปวด เพนตาโซซีน การใช้ยาจำพวกนี้จำเป็นต้องอยู่ในความควบคุมดูแลของแพทย์
  4. วัตถุออกฤทธิ์ประเภท 4 ได้แก่ ยาสงบประสาท/ยานอนหลับ ในกลุ่มของบาร์บิตูเรต เช่น ฟีโนบาร์บิตาล และเบ็นโซไดอาซีปินส์ เช่น อัลปราโซแลม ไดอาซีแพม ส่วนใหญ่มีการนำมาใช้อย่างกว้างขวาง ทั้งเพื่อบำบัดรักษาอาการของโรค และการนำมาใช้ในทางที่ผิด การใช้ยาวัตถุออกฤทธิ์ประเภทนี้ ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของแพทย์ เช่นเดียวกับการใช้วัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 3

สารระเหย ตามพระราชกำหนดป้องกันการใช้สารระเหย พ.ศ. 2533 หมายถึง “สารเคมี หรือผลิตภัณฑ์ที่รัฐมนตรีประกาศว่าเป็นสารระเหย”

สารระเหย เป็นสารเคมี 14 ชนิด และผลิตภัณฑ์ 5 ชนิด [ประกาศกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม ฉบับที่ 14 (พ.ศ. 2538) เรื่องกำหนดชื่อ ประเภท ชนิด หรือขนาดบรรจุของสารเคมี หรือผลิตภัณฑ์เป็นสารระเหย]

สารเคมี 14 ชนิด ได้แก่ อาซีโทน เอทิลอาซีเตท โทลูอีน เซลโลโซล์ฟ ฯลฯ

ผลิตภัณฑ์ 5 ชนิด ได้แก่ ทินเนอร์ แลคเกอร์ กาวอินทรีย์สังเคราะห์ กาวอินทรีย์ธรรมชาติ ลูกโป่งวิทยาศาสตร์